วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551

พันธมิตร ประนาม พปช. อุ้ม สมัครนั่งนายกฯอีก

พันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์ยันไม่ถอยการชุมนุมขับไล่แม้ "สมัคร" พ้นสภาพนายกฯ แล้ว ประณามหนุนนั่งเก้าอี้นายกฯใหม่ ซัดเป็นกลุ่มการเมืองไร้จริยธรรม เตือนสภาสนับสนุนคนดีเป็นประมุขฝ่ายบริหาร หนุนให้เปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองใหม่ เรียกร้องสางคดีรบ.สมัครให้สิ้นซาก "เห็นควรเปลี่ยนขั้วการเมืองใหม่ นศ. ขู่กลับผนึกม็อบลุยอีกพันธมิตรฯ แถลงต้าน"หมัก" คัมแบ๊ค

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 9 ก.ย. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้อ่านแถลงการณ์พันธมิตรฯ ต่อกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ฐานกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 267 กรณีเป็นพิธีกรรายการ"ชิมไปบ่นไป" และ "ยกโขยงหกโมงเช้า" ดังนี้
แถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่องชุมนุมต่อเนื่องหลังนายสมัคร สุนทรเวชสิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรี
ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเมื่อเวลา 15.30 น. วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551 ว่านายสมัคร สุนทรเวช สิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กรณีการจัดรายการทางสถานีโทรทัศน์และรับผลตอบแทนในการจัดรายการชิมไปบ่นไป และรายการยกโขยง 6 โมงเช้า โดยได้รับผลตอบแทน คำนึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตนไม่ใช่เพื่อประโยชน์สาธารณะ เป็นผลให้นายสมัคร สุนทรเวช ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงประชุมและแถลงจุดยืนดังต่อไปนี้
1. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถือว่า นายสมัคร สุนทรเวช ได้สิ้นสุดการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถือเป็นหลักฐานการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยซ้ำซาก ภายหลังจากที่ได้กระทำผิดรัฐธรรมนูญในกรณีมติคณะรัฐมนตรีในการลงนามแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพื่อยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาขี้นทะเบียนมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่มีอำนาจตามคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
การกระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของชาติที่ได้ผ่านประชามติของคนส่วนใหญ่ในประเทศกว่า 14 ล้าน 7 แสนคน จึงย่อมเป็นเครื่องยืนยันของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่งว่า นายสมัคร สุนทรเวช และคณะรัฐบาลหุ่นเชิดไม่เคารพต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ และหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศไปนานแล้ว
2. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังคงธำรงความมุ่งหมายเดิมในภารกิจศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปกป้องพิทักษ์รัฐธรรมนูญเพื่อมิให้นำมาแก้ไขใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกความผิดของตัวเองและพวกพ้องทั้งในการทุจริตคอร์รัปชั่นและการโกงการเลือกตั้ง โค่นล้มระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด ตลอดจนสร้างการเมืองใหม่ให้เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง
ชูคำพิพากษาหนุนชุมนุมต่อทำเนียบ
บัดนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้พิพากษาให้นายสมัคร สุนทรเวช สิ้นสุดการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงถือว่าคำพิพากษาดังกล่าว เป็นส่วนสำคัญที่พิสูจน์ความชอบธรรมในการชุมนุมเพื่อต่อต้านรัฐบาลที่กระทำผิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ดังนั้นภารกิจศักดิ์สิทธิ์ต่อการใช้สิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญในทำเนียบรัฐบาลยังไม่สิ้นสุด และต้องดำเนินการต่อไป
3. เพื่อคลี่คลายวิกฤติที่สุดในโลก และมิให้ประเทศชาติล่มจมต่อไป พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงขอเตือนต่อสภาผู้แทนราษฎรให้สนับสนุนคนดีให้มีอำนาจ และปกป้องมิให้คนไม่ดีมีอำนาจ อย่าได้นำเสนอชื่อบุคคลใดก็ตามที่มีประวัติด่างพร้อย กระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตระบัดสัตย์ต่อมวลมหาชน แสดงพฤติกรรมเป็นหุ่นเชิดเพื่อช่วยเหลือหรือปกป้องผู้กระทำความผิดต่อกฎหมายในระบอบทักษิณมาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีอีกเป็นอันขาด
4. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอประณามการมีมติของพรรคพลังประชาชนที่จะสนับสนุนนายสมัคร สุนทรเวช ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ทั้งๆที่ได้กระทำความผิดต่อรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นกลุ่มนักการเมืองที่ไร้ซึ่งจริยธรรมและหมดความชอบธรรมในการที่จะปกครองประเทศต่อไป และถือว่านักการเมืองเหล่านี้คือผู้ที่จงใจเลือกที่จะสร้างเงื่อนไขให้วิกฤติในบ้านเมืองยังดำรงอยู่ต่อไป
นอกจากนั้นเราถือว่าบุคคลที่อยู่ในพรรคพลังประชาชนหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศต่อไป เพราะกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ได้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยให้ยุบพรรคอยู่ในขณะนี้
5. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองของผู้ที่ปรารถนาดีต่อประเทศชาติจากทุกฝ่าย ให้เข้ามาคลี่คลายวิกฤติของชาติ ดังนี้
5.1 แสดงจุดยืนในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มิให้นำมาแก้ไขเพื่อฟอกความผิดที่กระทำสำเร็จไปแล้วให้กับตัวเองและพวกพ้อง มิให้นำมาแก้ไขเพื่อการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ของนักการเมือง มิให้นำมาแก้ไขเพื่อลดพระราชอำนาจหรือโครงสร้างของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
5.2 แสดงจุดยืนเพื่อสะสางปัญหาความเลวร้ายของระบอบทักษิณและรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติด้วยกระบวนการยุติธรรมและความจริงใจดังนี้
5.2.1 เร่งรัดคดีทุจริตคอร์รัปชั่นให้เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล โดยปราศจากการแทรกแซงทั้งทางตรงและทางอ้อม และยึดทรัพย์สินที่โกงชาติไปกลับมาเป็นของรัฐ
5.2.2 เร่งรัดยกเลิกหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณชินวัตรและภรรยา
5.2.3 เร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ส่งตัวผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดินมาดำเนินคดีในประเทศไทยโดยทันที
5.2.4 ประกาศยกเลิกแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกัมพูชาที่ยกปราสาทพระวิหารและพื้นทีโดยรอบให้กับกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว และรักษาอธิปไตยทั้งดินแดนและแหล่งพลังงานก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในอ่าวไทยจนถึงที่สุด
5.2.5 เร่งรัดดำเนินคดีความและลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐและอันธพาลการเมืองของรัฐบาลที่คุกคามทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินของผู้ชุมนุม
5.2.6 เร่งรัดดำเนินคดีความนายจักรภพ เพ็ญแข นายวีระ มุสิกพงศ์ เว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุชุมชน และขบวนการดูหมิ่นและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมดโดยเร็ว
5.2.7 ยุติการใช้สื่อของรัฐในการโฆษณาชวนเชื่อและโกหกหลอกลวงประชาชนโดยทันที และพร้อมเข้ามาปฏิรูปสื่ออย่างแท้จริง
5.2.8 ประกาศยกเลิกโครงการที่ใช้จ่ายเกินตัวและไม่โปร่งใสที่จะทำให้ชาติล่มจม เช่น โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ฯลฯ โดยทันที
5.2.9 ยกเลิก พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 และใช้การปฏิรูปและพัฒนารัฐวิสาหกิจแทนเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนในชาติ และนำเอารัฐวิสาหกิจที่แปรรูปไปแล้วกลับคืนมาเป็นของรัฐดังเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปตท.
5.3 แสดงจุดยืนพร้อมให้ความร่วมมือในการสร้างการเมืองใหม่ เพื่อให้เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง ป้องกันไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจ และเพิ่มการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในทุกภาคส่วนให้หลากหลายเพิ่มมากขึ้น
ด้วยจิตคารวะ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยวันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551ณ ทำเนียบรัฐบาล

"สุริยะใส" ซัด "เลี้ยบ-สมชาย" ไม่เข้าท่า
นายสุริยะใส กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พ้นจากตำแหน่งว่า การพยายามนำนายสมัครกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เปรียบเหมือนการนำเอาศพกลับมาในทางการเมืองเป็นการทำร้ายความรู้สึกของประชาชน และเห็นว่า ในพรรคพลังประชาชนก็ยังไม่เห็นว่า ใครจะมีความเหมาะสมมาเป็นนายกฯ แทน อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เองก็ชัดเจนว่า เป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ส่วนนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ก็ต้องคดี มีความเป็นไปได้ที่จะถูกศาลสั่งพักงาน ขณะที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนเองก็รอการตัดสินคดียุบพรรค ดังนั้นจึงไม่เห็นทางที่จะนำบ้านเมืองพ้นวิกฤติได้ คงจะมีแต่ความขัดแย้งอย่างเรื้อรัง ซึ่งหากดูสถานการณ์ขณะนี้จะเห็นว่า ฝ่ายรัฐบาลก็ยอมไม่ได้ ซึ่งดูจากการปราศรัยของนายสมัคร ที่ จ.อุดรธานี เมื่อวานนี้ (8 ก.ย.)เป็นเหมือนการผูกปมล็อคตัวเองเอาไว้
เรียกร้องคิดนอกกรอบเปลี่ยนขั้วการเมือง
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ทุกคิดนอกกรอบ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนขั้วการเมืองการนำเอานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาทำหน้าที่ แต่ก็มีหลายคนบอกว่ายังไม่ถึงเวลา หรือการนำนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยมาทำหน้าที่ หลายคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคงจะมีปัญหาอีก ส่วนประเด็นการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ทางพันธมิตรฯ ยังไม่ได้หารือกัน
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น พันธมิตรฯ ยังคงยืนยันที่จะชุมนุมยืดเยื้อต่อไปเนื่องจากเงื่อนไขของการต่อสู้ยังไม่จบ เพราะพรรคพลังประชาชน มีการพยายามผลักดันนายสมัครเป็นนายกฯ อีกครั้งหนึ่ง ขณะที่นายสมัคร และพรรคพลังประชาชนเอง ก็ไม่ยอมรับผิด ไม่ยอมถอย ซึ่งเป้าหมายของพันธมิตรฯก็คือการทำให้รัฐบาลนอมินี และนายสมัคร ออกไป พันธมิตรฯเฮลั่นหลัง “สมัคร” ตกเก้าอี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.30 น. กลุ่มพันธมิตรได้เชื่อมสัญญาณการถ่ายทอดสดการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กรณีดำเนินรายการ "ชิมไปบ่นไป" และ “ยกโขยงหกโมงเช้า” ปรากฎว่าระหว่างนั้นได้เกิดพายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนทำให้น้ำท่วมในทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งเต็นท์ที่จัดเตรียมไว้ให้ผู้ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมหลบฝนกันโกลาหล โดยเข้าไปอยู่ใต้ตึกบัญชาการ และตึกไทยคู่ฟ้า แต่สายตาทุกคู่ของผู้ชุมนุมยังคงใจจดจ่อกับการอ่านคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และส่งเสียงเฮเป็นระยะๆ จนเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติด้วยคะแนน 9 ต่อ 0 ให้นายสมัคร สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี ผู้ชุมนุมต่างตะโกนเฮลั่นทำเนียบรัฐบาลด้วยความดีใจ
จากนั้น นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีปราศรัยว่า รัฐบาลที่มีนายสมัครเป็นนายกฯ เป็นรัฐบาลโมฆะมาตั้งแต่ต้น สิ่งที่พันธมิตรฯ พูดทุกวันย่อมถือว่าเป็นความคิดที่ถูกต้อง แต่ผู้ชุมนุมอย่าตื่นเต้นดีใจไป เพราะ ส.ส.พรรคพลังประชาชนจะเสนอให้นายสมัครกลับมาอีก และพวกเราก็จะสู้ขับไล่อีก
นศ. ขู่ร่วมม็อบอีกถ้า"หมัก"กลับ
นายวสันต์ วานิชย์ ผู้ประสานงานยังก์แพด (Young PAD) กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายสมัครพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดี ทางเครือข่ายจะให้สมาชิกกลับไปเรียนตามปกติ อย่างไรก็ตาม หากพรรคพลังประชาชนสนับสนุนให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ อีก หรือให้คนในระบอบทักษิณ มาเป็นนายกฯ ทางเครือข่ายฯ ก็เตรียมพร้อมที่จะระดมพลกลับมาขับไล่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ตลอดเวลา และอาจมีมาตรการตอบโต้ขั้นต่อไป ส่วนกิจกรรมที่จะดาวกระจายไปสถานที่ต่างๆ จะระงับไว้ก่อน แต่กิจกรรมที่เวทีสะพานมัฆวานฯ ที่มีการเสวนาทางวิชาการก็ยังคงดำเนินการต่อไป
“มาตรการหยุดเรียน 3 วัน เราต้องเลื่อนออกไปก่อนเพื่อไม่ให้เสียการเรียน แต่ยืนยันที่จะมีการชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ ต่อไป เพราะเป็นจุดศูนย์รวมของนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา จนกว่าเราจะได้การเมืองใหม่”นายวสันต์กล่าว




Credit : http://news.thaihealth.net/modules.php?name=News&file=article&sid=3594

1 ความคิดเห็น:

" Politics and Government in Thailand " กล่าวว่า...

พันธมิตรควรจะเลิกชุมนุมประท้วงได้แล้ว เพราะว่ามันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย ทำให้ประเทศชาติถอยหลังไปทุกที ไม่ว่าใครจะเป็นนายกก็ไม่ถูกใจพวกพันธมิตรหรอก นอกจากคนของพวกเค้าเท่านั้นแหละ
นางสาวธัญญา แตงน้อย 5131601343 sec2