ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการหารือระหว่าง นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี กับนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และแกนนำพรรคพลังประชาชน ที่บ้านพักซอยโอฬาร 2 วันนี้ (11 ก.ย.)
ล่าสุด นายสุทิน คลังแสง รองโฆษกพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า นายสมัคร ยอมรับที่จะให้พรรคพลังประชาชนเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ย.) ซึ่งเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะให้การสนับสนุนนายสมัคร เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนา นำโดย นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร และ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธข่าวที่ระบุว่า พรรคพลังประชาชนมีมติสนับสนุน นายสมัคร สุนทรเวช ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยนายไพจิต กล่าวว่า พรรคยังไม่ได้มีมติใด ๆ ว่าจะสนับสนุนใคร เป็นเพียงแต่มอบหมายให้คณะทำงาน ซึ่งมี นายยงยุทธ ติยะไพรัช นายสันติ พร้อมพัฒน์ และ นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นผู้ไปเจรจากับ นายสมัคร ที่บ้านพัก
นายไพจิต กล่าวว่า เป็นการไปขอคำตอบจาก นายสมัคร ว่าจะยังยืนยันเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหรือไม่ หากได้คำตอบอย่างไร ก็จะนำมาหารือในที่ประชุม ส.ส.เย็นวันกันนี้ แต่กลับมีบางกลุ่มไปส่งซิก ให้แถลงว่าเป็นมติพรรค ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะดูเฉพาะท่าทีภายในพรรคพลังประชาชนไม่ได้ ต้องดูท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลด้วย
ด้าน นายปรีชา กล่าวเสริมว่า การที่คณะทำงานไปหารือกับ นายสมัคร เพื่อต้องการบอกให้ นายสมัคร ถอย เพื่อให้เห็นแก่ชื่อเสียงและประเทศชาติ เพราะนอกจากคนรอบนอกจะไม่เอาแล้ว แม้แต่ ส.ส.กว่า 100 คน ของพรรคพลังประชาชน ซึ่งถือว่าเกินครึ่ง ต่างก็ไม่เอา นายสมัคร ยังไม่รวมกับเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล ที่เห็นไปในแนวทางเดียวกัน หาก นายสมัคร ยังเดินหน้าจะรับตำแหน่งอีก กลุ่มอีสานพัฒนาซึ่งมี 23 เสียง จะไม่ยกมือหนุนแน่นอน
อย่างไรก็ตาม นายปรีชา ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า มีโอกาสที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะพลิกไปเป็นของพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ โดยให้เหตุผลว่า เวลานี้พูดแค่เพียงเอา นายสมัคร หรือไม่เอา นายสมัคร เท่านั้น และว่า คนที่มีอักษรย่อ "ส" 2 คน ในพรรคพลังประชาชนยังมีสิทธิเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ไม่เป็นของพรรคการเมืองอื่นแน่
วันเดียวกัน คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) และเครือข่ายภาคประชาชน ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านการกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นายสมัคร สุนทรเวช และก้าวสู่การปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่ เพื่อความมุ่งหวังให้สังคมไทยสามารถข้ามพ้นวิกฤติและความขัดแย้งทางการเมืองนำไปสู่การหาทางออกร่วมกัน จึงขอเรียกร้องทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือ ต้องไม่ดึงดันเสนอชื่อ นายสมัคร กลับเข้ามาสู่ตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง แต่จะต้องเสนอชื่อบุคคลที่มีคุณธรรม จริยธรรม และวุฒิภาวะทางการเมือง เป็นที่ยอมรับและสามารถสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังระบุว่า รัฐบาลจะต้องยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทันที และสร้างกระบวนการปฏิรูปการเมือง โดยการมีส่วนร่วมกันของทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาอุดมการณ์และปัญหาโครงสร้างทางการเมือง ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความขัดแย้งที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทยปัจจุบัน
ล่าสุด นายสุทิน คลังแสง รองโฆษกพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า นายสมัคร ยอมรับที่จะให้พรรคพลังประชาชนเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ย.) ซึ่งเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะให้การสนับสนุนนายสมัคร เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนา นำโดย นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร และ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธข่าวที่ระบุว่า พรรคพลังประชาชนมีมติสนับสนุน นายสมัคร สุนทรเวช ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยนายไพจิต กล่าวว่า พรรคยังไม่ได้มีมติใด ๆ ว่าจะสนับสนุนใคร เป็นเพียงแต่มอบหมายให้คณะทำงาน ซึ่งมี นายยงยุทธ ติยะไพรัช นายสันติ พร้อมพัฒน์ และ นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นผู้ไปเจรจากับ นายสมัคร ที่บ้านพัก
นายไพจิต กล่าวว่า เป็นการไปขอคำตอบจาก นายสมัคร ว่าจะยังยืนยันเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหรือไม่ หากได้คำตอบอย่างไร ก็จะนำมาหารือในที่ประชุม ส.ส.เย็นวันกันนี้ แต่กลับมีบางกลุ่มไปส่งซิก ให้แถลงว่าเป็นมติพรรค ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะดูเฉพาะท่าทีภายในพรรคพลังประชาชนไม่ได้ ต้องดูท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลด้วย
ด้าน นายปรีชา กล่าวเสริมว่า การที่คณะทำงานไปหารือกับ นายสมัคร เพื่อต้องการบอกให้ นายสมัคร ถอย เพื่อให้เห็นแก่ชื่อเสียงและประเทศชาติ เพราะนอกจากคนรอบนอกจะไม่เอาแล้ว แม้แต่ ส.ส.กว่า 100 คน ของพรรคพลังประชาชน ซึ่งถือว่าเกินครึ่ง ต่างก็ไม่เอา นายสมัคร ยังไม่รวมกับเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล ที่เห็นไปในแนวทางเดียวกัน หาก นายสมัคร ยังเดินหน้าจะรับตำแหน่งอีก กลุ่มอีสานพัฒนาซึ่งมี 23 เสียง จะไม่ยกมือหนุนแน่นอน
อย่างไรก็ตาม นายปรีชา ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า มีโอกาสที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะพลิกไปเป็นของพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ โดยให้เหตุผลว่า เวลานี้พูดแค่เพียงเอา นายสมัคร หรือไม่เอา นายสมัคร เท่านั้น และว่า คนที่มีอักษรย่อ "ส" 2 คน ในพรรคพลังประชาชนยังมีสิทธิเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ไม่เป็นของพรรคการเมืองอื่นแน่
วันเดียวกัน คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) และเครือข่ายภาคประชาชน ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านการกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นายสมัคร สุนทรเวช และก้าวสู่การปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่ เพื่อความมุ่งหวังให้สังคมไทยสามารถข้ามพ้นวิกฤติและความขัดแย้งทางการเมืองนำไปสู่การหาทางออกร่วมกัน จึงขอเรียกร้องทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือ ต้องไม่ดึงดันเสนอชื่อ นายสมัคร กลับเข้ามาสู่ตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง แต่จะต้องเสนอชื่อบุคคลที่มีคุณธรรม จริยธรรม และวุฒิภาวะทางการเมือง เป็นที่ยอมรับและสามารถสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังระบุว่า รัฐบาลจะต้องยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทันที และสร้างกระบวนการปฏิรูปการเมือง โดยการมีส่วนร่วมกันของทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาอุดมการณ์และปัญหาโครงสร้างทางการเมือง ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความขัดแย้งที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทยปัจจุบัน
Credit : http://www.thairath.co.th/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น